6 ข้อเช็ครถให้พร้อมก่อนเข้าหน้าฝน
6 ข้อเช็ครถให้พร้อมก่อนเข้าหน้าฝน
6 ข้อเช็ครถ แล้วในปีนี้ก็วนกลับเข้ามาถึงช่วงหน้าฝนอีกครั้ง ฤดูที่หลายคนนั้นไม่ชอบเอาซะเลย เพราะจะเดินทางไปที่ไหนก็ไม่สะดวกไปเสียหมด ยิ่งวันไหนที่ฝนตกหนักๆ ก็ยิ่งทำให้รถติด แถมยังมีน้ำท่วมขังบนถนน ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุได้ ถ้าหากว่ารถของคุณขาดการดูแลเอาใจใส่
วันนี้ทาง ซีเอแอล ลิสซิ่ง จึงนำเอาวิธีเช็ครถให้พร้อมใช้งานในช่วงหน้าฝนให้กับคุณ ไม่ว่าฝนจะตกหนักแค่ไหน รถของคุณก็จะไม่ทำให้คุณต้องลำบาก
1.เช็คที่ปัดน้ำฝน
ใช้สำหรับการปัดเอาสิ่งที่มาขัดขวางทัศนวิสัยออกไป โดยเฉพาะของเหลวอย่างน้ำโคลน หรือน้ำฝน ซึ่งถ้าเกิดว่าวันไหนที่ฝนเกิดตกขึ้นมาแล้วคุณพบว่าที่ปัดน้ำฝนนั้นเกิดปัญหาขึ้น ก็จะทำให้การมองเห็นบนท้องถนนแย่ลงได้ มาดูกันว่ามีวิธีการดูแลที่ปัดน้ำฝนยังไงบ้าง
– ยางปัดน้ำฝนควรเปลี่ยนทุก 1 ปี
– เมื่อเปิดใช้ที่ปัดน้ำฝนแล้วมีคราบน้ำเป็นเส้น ๆ หรือปัดแล้วไม่สะอาด นั่นคือยางเสื่อมสภาพแล้ว ควรเปลี่ยนใหม่ยางปัดน้ำฝนใหม่
– มีเสียงดังเกิดขึ้นในขณะที่ปัดน้ำฝน เป็นสัญญาณที่บอกให้เปลี่ยนยางปัดน้ำฝนได้แล้ว เนื่องจากยางเสื่อมสภาพเช่นเดียวกัน
2.เช็คยางรถยนต์
บนพื้นถนนเวลาฝนตกหนักมักจะมีน้ำท่วมขังหรือผิวของถนนลื่นกว่าปกติ จนอาจเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ จึงควรเช็คสภาพยางรถยนต์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมใช้งาน โดยสามารถทำได้เบื้องต้นดังนี
– ใช้เล็บจิกไปที่ยาง หากยังจิกเข้าอยู่ก็ยังถือว่าอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ปกติ
– ต่อมาดูที่ดอกยาง,หน้ายางและร่องยางว่ามีการสึกหรือไม่ โดยหน้ายางจะต้องลึกไม่น้อยกว่า 3 – 4
มิลลิเมตร เป็นอย่างต่ำ
– ลมยางก็มีความสำคัญ เพื่อความปลอดภัยของการขับรถในหน้าฝน อาจต้องเติมลมยางมากกว่าเดิมไปอีก
2 – 3 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
หากจำเป็นที่จะต้องขับรถในช่วงหน้าฝนที่สภาพยางไม่พร้อม คุณควรที่จะขับรถในความเร็วที่ต่ำลงเพื่อยืดอายุการใช้งานของยาง และยังช่วยลดอันตรายที่จะเกิดขึ้นขณะขับรถในช่วงที่ฝนตกด้วย นอกจากนี้ยังควรตรวจเช็คยางอะไหล่ของรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เผื่อในกรณีฉุกเฉินยางรั่ว ยางแตก ต้องเปลี่ยนยางรถยนต์แบบเร่งด่วนเพื่อให้สามารถเปลี่ยนแล้วใช้งานต่อได้เลย
– ยางปัดน้ำฝนควรเปลี่ยนทุก 1 ปี
– เมื่อเปิดใช้ที่ปัดน้ำฝนแล้วมีคราบน้ำเป็นเส้น ๆ หรือปัดแล้วไม่สะอาด นั่นคือยางเสื่อมสภาพแล้ว ควรเปลี่ยนใหม่ยางปัดน้ำฝนใหม่
– มีเสียงดังเกิดขึ้นในขณะที่ปัดน้ำฝน เป็นสัญญาณที่บอกให้เปลี่ยนยางปัดน้ำฝนได้แล้ว เนื่องจากยางเสื่อมสภาพเช่นเดียวกัน
3.เช็คผ้าเบรกและน้ำมันเบรก
ระบบเบรกที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยรถหยุดลื่นไถลบนถนนที่เปียกในช่วงหน้าฝน โดยเริ่มจากการตรวจสอบน้ำมันเบรกว่ามีสีดำเข้มแล้วหรือไม่ ถ้ามีแล้วควรเปลี่ยนน้ำมันเบรกทันที และหมั่นสังเกตขณะเหยียบเบรกรถว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ เช่น
– เบรกแล้วผ้าเบรกมีเสียงดังผิดปกติ
– เบรกไม่อยู่ หรือเบรกแล้วใช้ระยะหยุดรถที่มากกว่าปกติ
ซึ่งถ้ามีอาการดังกล่าว ควรเรียกช่างหรือนำรถเข้าศูนย์บริการทันทีที่สามารถทำได้ เนื่องจากการปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้เกิดอันตรายต่อการขับขี่บนท้องถนนได้
4.เช็คสัญญาณไฟ
ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว รวมถึงไฟตัดหมอก เป็นสิ่งสำคัญกับรถเมื่อต้องขับขี่ในบริเวณที่มืดหรือในตอนกลางคืน เพื่อให้มองเห็นทัศนวิสัยในช่วงเวลาที่ขับขี่ได้ นอกจากนี้สัญญาณไฟต่างๆ ของรถ ยังมีความจำเป็นอย่างมากในช่วงเวลาที่ฝนตกหนัก เพราะการมองเห็นในระยะไกลลดลง จึงต้องเปิดไฟเพื่อเป็นสัญญาณและให้รถคันอื่นมองเห็นรถของคุณ ดังนั้นก่อนขับรถออกจากบ้านในหน้าฝน ควรที่จะเช็คสัญญาณไฟทุกดวงของรถให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน รวมทั้งทำความสะอาดคราบสกปรกต่าง ๆ ตามกรอบไฟ และหากพบไฟดวงใดที่ชำรุด ก็ควรที่จะทำการเปลี่ยนทันที
5.เช็คสภาพเครื่องยนต์
ในช่วงหน้าฝนหลายคนที่มีรถอาจจะต้องอยู่บนท้องถนนนานกว่าปกติ เพราะรถมักจะติดในช่วงที่ฝนตก ดังนั้นรถจึงต้องมีสภาพเครื่องยนต์ที่พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา จึงควรตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ เริ่มตรวจจากของเหลวต่างๆ ของเครื่องว่าอยู่ระดับที่ปกติหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น
– น้ำมันเครื่อง
– น้ำมันเกียร์
– น้ำมันเบรก
– น้ำมันเกียร์
– หม้อน้ำ
– น้ำกลั่นแบตเตอรี่
โดยสามารถตรวจเช็คได้จากก้านวัดระดับว่ายังอยู่ในระดับที่ปกติหรือไม่ รวมทั้งควรตรวจตามรอยต่อต่างๆ ของเครื่องยนต์ว่ามีรอยรั่ว ซึม อยู่หรือไม่ หากพบเห็นควรทำการซ่อมแซมทันที นอกจากนี้ควรดูบันทึกการตรวจเช็คสภาพรถ ว่ารถวิ่งถึงระยะที่ต้องเอาไปเข้าศูนย์บริการตรวจเช็คสภาพหรือยัง?
6.นอกจากเช็ครถแล้วยังมีสิ่งของที่จำเป็น
นอกจากสภาพรถที่ต้องพร้อมใช้งานแล้ว อุปกรณ์ที่ต้องเอาติดไว้ในรถก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะช่วยให้คุณเดินทางได้สะดวกมากยิ่งขึ้นในช่วงที่ฝนตก ไม่ว่าจะเป็น
– ร่ม
– เสื้อกันฝน
– สายชาร์ตแบตโทรศัพท์มือถือ
– รวมไปจนถึงอุปกรณ์ซ่อมรถฉุกเฉิน เช่น สายลากรถ หากรถของคุณเกิดเสียกลางทาง
และที่่ลืมไม่ได้อีกอย่างในสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ นั้นก็คือ แอลกอฮอล์ล้างมือกับแมส
อย่างไรก็ตามการเดินทางไม่ว่าจะอยู่ในฤดูไหนหรือที่ใดก็ตาม นอกจากการเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทางแล้ว ก็ควรที่จะเช็คสภาพผู้ขับขี่ด้วยว่าอยู่ในสภาพที่สามารถขับขี่รถได้ปลอดภัยและพักผ่อนเพียงพอหรือไม่ ซีเอแอล ลิสซิ่ง หวังว่าคุณจะเดินทางได้อย่างปลอดภัย