6 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด | ซีเอแอล ลิสซิ่ง 2021

6 สิ่งที่ต้องรู้ เมื่อผ่อนรถยนต์มาสักพักหนึ่งแล้วเกิดต้องการปิดให้จบหรือขอยื่นระยะเวลาผ่อนชำระเพื่อให้เสียค่างวดต่อเดือนน้อยลง ทางออกของเจ้าของรถยนต์จึงหันมาพึ่งพาบริการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ซึ่งหลายท่านยังไม่ทราบว่า “รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด” ก็มาใช้บริการนี้ได้ ในประเทศไทยมีทั้งบริการจากธนาคารและสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อประเภทลิสซิ่ง ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากในขณะนี้ แต่หากคุณยังไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม? วันนี้ ซีเอแอล ลิสซิ่ง จะพามาดู 6 ข้อนี้เพื่อการตัดสินใจก่อนครับ

6 สิ่งที่ต้องรู้ก่อน

1. รีไฟแนนซ์ รถยนต์คืออะไร?

         คือการขอรับบริการสินเชื่อโดยใช้บางท่านเข้าใจว่ามันคือการ “ย้ายไฟแนนซ์” สมมติว่าคุณกู้ซื้อรถยนต์ในราคา 700,000 บาท โดยใช้บริการผ่อนกับธนาคารแรกผ่านไปแล้ว 500,000 บาท และต้องการปิดวงเงินอีก 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยที่เหลือ เพื่อให้การจ่ายค่างวดต่อเดือนลดลง ในส่วนนี้มักทำได้ด้วยการขอสินเชื่อวงเงินใหม่ โดยรถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดนี้ไม่ต้องจอดรถยนต์ไว้ที่แบงก์ มีทั้งแบบที่ต้องโอนหรือไม่ต้องโอนทะเบียนเล่ม ขึ้นอยู่กับสัญญาที่ทำกับบริษัทสินเชื่อนั้น ๆ

2. ควรทำเมื่อไหร่?

        ส่วนใหญ่แล้วรถยนต์ที่จะนำมาใช้บริการ ต้องผ่านระยะเวลาการผ่อนชำระมาแล้วครึ่งหนึ่ง เพื่อให้ดอกเบี้ยของรถยนต์คันนี้ ค่อย ๆ ลดลงก่อน ดอกเบี้ยนี้มาจากที่เราผ่อนรถยนต์มาแล้วเป็นเวลายาว ๆ เมื่อเหลืออีกก้อนสั้น ๆ ก็จะจ่ายทั้งดอกเบี้ยละเงินต้นลดลงในสถาบันการเงินที่ใหม่ได้

6 สิ่งที่ต้องรู้ก่อน-1

3. รถแบบไหนขอได้บ้าง?

       ไม่ใช่ว่ารถยนต์ทุกคันที่จะเข้ารับบริการได้ ทางสถาบันการเงินก็มีข้อระบุว่าต้องเป็นรถยนต์ที่ใช้ในครัวเรือน และไม่เก่ามากเกินไป (ไม่ควรเกิน 15-20 ปี ) ส่วนรถหรูประกอบส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยรับ เพราะสถาบันการเงินทุกแห่งอาจเขียนในสัญญาเพิ่มเติมได้ว่าไม่รับรถหรูหรือรถประกอบ เพราะขาดผู้ที่จะประเมินตีราคากลาง ป้องกันการย้อมแมวเอารถมาเข้าจำนำทะเบียนแล้วก็หายไปไม่ส่งยอดค่างวด สรุปคร่าว ๆ สำหรับรถที่ใช้บริการ ได้แก่
          3.1 รถยนต์นั่งส่วนบุคคล (รถเก๋ง ซึ่งรวมรถ SUV, CRV ทั้งหมด)
          3.2 รถยนต์ประเภทรถกระบะ (รถปิคอัพ)
          3.3 รถตู้
          3.4 รถบรรทุกบางรายการ 

4. เช็คราคากลางรถยนต์ได้ที่ไหน?

ตามบริษัทต่าง ๆ จะมีข้อกำหนดว่าวงเงินที่ได้นั้นจะได้ประมาณ 80 – 90% เท่านั้น แม้ว่าบางแห่งจะให้เต็ม 100% ของราคาประเมิน ซึ่งราคาประเมินนี้สามารถเข้าไปดูได้ตามเว็บไซต์จำหน่ายรถมือสองต่าง ๆ โดยเลือกไปที่ปีออกรถและรุ่นรถที่ใกล้เคียงกับรถของคุณ เช่น เว็บไซต์ขายดีขายรถ(www.kaidee.com), ตลาดรถ(www.taladrod.com), วันทูคาร์ (www.one2car.com)

6 สิ่งที่ต้องรู้ก่อน-2

5. ในประเทศไทยมีที่ไหนบ้าง?

หากคุณผ่อนรถอยู่กับธนาคารเดิม แล้วต้องการขอสินเชื่อตัวใหม่บางธนาคารทำได้ (ลองติดต่อกับแบงก์เดิมดูก่อน แต่หากเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยแล้วไม่คุ้มก็เปลี่ยนแบงก์ก็ได้) รีกับธนาคารเดิมได้ไหม? สรุปว่า ทำได้กับบางเจ้า แต่ปัจจุบันนี้ก็มีหลายธนาคารที่เปิดรับรถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด

6. เอกสารมีอะไรบ้าง?

       โดยปกติแล้วหากเป็นพนักงานออฟฟิศ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจจะเตรียมเอกสารไม่ยาก ใช้แค่สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองเงินเดือนก็ผ่านง่าย ส่วนใครที่ทำอาชีพอิสระ สามารถใช้หนังสือรับรองการเสียภาษีส่วนบุคคล อย่างใบทวิ 50 หรือพวกสัญญาจ้างต่าง ๆ ได้
          4.1 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของรถ
          4.2 สำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าของรถ
          4.3 สำเนาทะเบียนเล่มรถยนต์
          4.4 สลิปเงินเดือนเดือนล่าสุด (หากไม่มีให้ใช้หนังสือรับรองเงินเดือน พร้อมกับสำเนาเดินบัญชีรับเงินเดือน 3 – 6 เดือน)

         หากคุณคิดจะรีไฟแนนซ์รถยนต์ สามารถยื่นเอกสารขอไปพร้อม ๆ กันหลายที่ได้ (แนะนำไม่เกิน 3 แห่ง) เพื่อเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่จะได้รับ เดี๋ยวนี้การขอกู้สินเชื่อหากปฏิเสธรับวงเงิน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งนั้น  ซึ่งคุณควรศึกษาเอาไว้ไม่ให้เสียสิทธิ เพื่อที่ให้ได้ดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุด และถ้าหากใครต้องสินเชื่อดีๆ ที่ ซีเอแอล ลิสซิ่ง ช่วยคุณได้ในทุกปัญหาการเงิน